การมีกลิ่นตัวแรงเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญ แม้จะอาบน้ำวันละหลายรอบหรือใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายแล้วก็ตาม ปัญหานี้ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อความสะอาดส่วนบุคคล แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าสังคม การทำงาน หรือการใช้ชีวิตประจำวัน หากคุณกำลังมองหา ‘วิธีดับกลิ่นตัว’ ที่ได้ผลจริง ไม่ใช่แค่กลบกลิ่นชั่วคราว แต่ลดได้จากต้นตอ บทความนี้รวบรวมคำตอบไว้ให้แล้ว!
การจะใช้วิธีดับกลิ่นตัวได้ผล จะต้องเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้กลิ่นตัวเหม็นก่อน เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
ปัญหากลิ่นตัวไม่ได้เกิดจากเหงื่อล้วน ๆ อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นผลมาจากการที่เหงื่อ ซึ่งโดยปกติแล้วไม่มีกลิ่น เมื่อสัมผัสกับแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมเหงื่อแบบอะโพคริน (Apocrine glands) เช่น รักแร้ ขาหนีบ หรือแผ่นหลัง แบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยสลายสารอินทรีย์ในเหงื่อและปล่อยสารประกอบที่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา
นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อกลิ่นตัวอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ การรับประทานอาหารบางชนิด เช่น กระเทียม หัวหอม เนื้อแดง และอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ รวมถึงพฤติกรรมการดูแลร่างกาย เช่น การไม่อาบน้ำ การสวมเสื้อผ้าซ้ำ การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว และสุขภาพโดยรวม เช่น โรคเบาหวาน หรือภาวะฮอร์โมนแปรปรวน ก็สามารถทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้นได้เช่นกัน
อ่านต่อ: เผยสาเหตุ “กลิ่นตัวแรง” เกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไขและป้องกันกลิ่นตัว
เมื่อรู้แล้วว่ากลิ่นตัวเกิดจากอะไร คราวนี้มาดูวิธีจัดการอย่างได้ผลจริงกันบ้าง หลายวิธีอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อย แต่เมื่อนำมาปรับใช้ร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดกลิ่นตัวได้แบบชัดเจน ทั้งวิธีดับกลิ่นตัวธรรมชาติหรือวิธีดับกลิ่นตัวด้วยเทคโนโลยีอย่างเครื่องเลเซอร์กำจัดขน ลองเลือกวิธีดที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ แล้วเริ่มต้นดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากปัญหากลิ่นตัวอย่างมั่นใจ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Aluminum Chloride, Baking Soda หรือ Zinc Oxide ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยระงับเหงื่อและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียต้นเหตุของกลิ่นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นวิธีดับกลิ่นเต่าง่าย ๆ ที่สามารถทำได้เป็นประจำ นอกจากนี้ยังช่วยลดความชื้นบริเวณใต้วงแขน ทำให้สภาพแวดล้อมไม่เหมาะกับการเติบโตของเชื้อโรคต่าง ๆ อีกด้วย
แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ในรูปแบบโรลออน สเปรย์ หรือครีม ที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอม เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรือแพ้ในผู้ที่มีผิวบอบบาง และควรใช้หลังอาบน้ำในช่วงที่ผิวยังแห้งสนิท เพื่อให้สารออกฤทธิ์ทำงานได้ดีที่สุด
อาหารบางประเภท โดยเฉพาะอาหารที่มีสารประกอบกำมะถัน เช่น กระเทียม หัวหอม หรือผักบางชนิด รวมถึงเครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น พริกไทย หรือขิง เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว ร่างกายจะขับของเสียหรือกลิ่นผ่านรูขุมขนหรือเหงื่อ ทำให้กลิ่นตัวแรงขึ้นได้แบบไม่รู้ตัว รวมไปถึงอาหารที่ผ่านการหมักดอง เช่น กะปิ ปลาร้า หรือชีสบางประเภท และการทานอาหารที่มีโปรตีนสูงโดยไม่มีผักผลไม้ช่วยย่อยร่วมด้วย ก็อาจทำให้ร่างกายผลิตสารระบายกลิ่นออกมามากกว่าปกติ
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ทั้งหมด วิธีดับกลิ่นตัวที่สามารถทำได้คือควรลดปริมาณลง และเสริมด้วยการดื่มน้ำมาก ๆ รวมถึงเพิ่มผักใบเขียวหรือผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เพื่อช่วยขับสารตกค้างและลดกลิ่นจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ
อากาศร้อนชื้น เป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ร่างกายขับเหงื่อออกมากขึ้น ซึ่งความชื้นผสมกับเหงื่อที่ค้างอยู่บนผิวจะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดี ส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย โดยเฉพาะหากอยู่ในพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท เช่น ห้องแคบ ๆ ที่ไม่มีพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศ
ดังนั้น วิธีดับกลิ่นตัวจากปัญหานี้คือ ควรเลือกสถานที่ที่มีการระบายอากาศดี เช่น พื้นที่เปิดโล่ง มีลมพัดผ่าน หรือหากอยู่ในอาคารควรเปิดพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศให้ห้องเย็นอยู่เสมอ หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดหรือในที่แสงแดดจัดเป็นเวลานานโดยไม่จำเป็น และหากต้องออกไปข้างนอก ควรพกผ้าเช็ดหน้า ทิชชู่เปียก หรือเสื้อผ้าสำรองติดตัวไว้เพื่อเช็ดเหงื่อและเปลี่ยนเมื่อจำเป็น เพื่อลดความอับชื้นและยับยั้งการสะสมของแบคทีเรียอย่างได้ผล
การอาบน้ำถือเป็นพื้นฐานของการดูแลความสะอาดร่างกายและเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการขจัดเหงื่อ สิ่งสกปรก และแบคทีเรียที่สะสมบนผิวหนังในแต่ละวัน โดยควรอาบน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเช้าและหลังกลับจากนอกบ้านหรือออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการหมักหมมของเหงื่อและลดโอกาสการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์
ไม่ว่าจะเป็นวิธีดับกลิ่นตัวผู้ชาย ผู้หญิง หรือคนอ้วน ต่างควรให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดบริเวณที่มีต่อมเหงื่อมาก เช่น รักแร้ ขาหนีบ หลังคอ และแผ่นหลัง โดยใช้สบู่ที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย หรือสบู่สูตรอ่อนโยนที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) หรือน้ำมันยูคาลิปตัส ที่ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและบำรุงผิวไปในตัว
เสื้อผ้าเป็นอีกหนึ่งแหล่งสะสมของเหงื่อ แบคทีเรีย และกลิ่นตัวได้อย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเสื้อที่ใส่แนบกับร่างกาย เช่น เสื้อยืด เสื้อชั้นใน หรือเสื้อออกกำลังกาย หากสวมใส่ซ้ำหรือซักไม่สะอาด จะทำให้แบคทีเรียที่ตกค้างบนเนื้อผ้ากลับมากระตุ้นกลิ่นไม่พึงประสงค์อีกครั้งเมื่อเหงื่อออกในรอบถัดไป
อีกวิธีดับกลิ่นตัวที่ดีคือการซักเสื้อผ้าทุกครั้งหลังใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อมีเหงื่อออกมาก และหมั่นแช่น้ำยาฆ่าเชื้อหรือใช้น้ำส้มสายชูผสมระหว่างการซัก เพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งแบคทีเรียอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการตากเสื้อผ้าในที่อับชื้นหรือที่ไม่มีแสงแดด เพราะจะทำให้ผ้าไม่แห้งสนิทและเกิดกลิ่นอับได้ง่าย
อาหารเสริมเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของวิธีดับกลิ่นตัวจากภายใน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากลิ่นตัวที่ไม่สามารถจัดการได้ด้วยการดูแลภายนอกเพียงอย่างเดียว อาหารเสริมบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยขับสารพิษหรือปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อกลิ่นเหงื่อและกลิ่นตัว เช่น คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ซึ่งช่วยในการล้างสารพิษในร่างกายและลดกลิ่นตัวที่มาจากระบบขับถ่าย, สารสกัดจากใบหม่อน ที่ช่วยลดการหมักหมมของเหงื่อ และมีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียได้บางส่วน รวมถึง โพรไบโอติกส์ ซึ่งช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ส่งผลให้การขับกลิ่นจากภายในลดลง
ร่างกาย รวมถึงระบบขับของเสียด้วย หากร่างกายนอนไม่พอ ระบบภายในจะทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการกำจัดของเสียที่อาจคั่งค้างในเลือดและผิวหนัง ซึ่งในที่สุดจะถูกระบายออกทางเหงื่อ ส่งผลให้กลิ่นตัวแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
เพื่อให้ใช้วิธีดับกลิ่นกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น แนะนำให้จัดตารางนอนให้สม่ำเสมอควบคู่วิธีดับกลิ่นตัวอื่น ๆ ด้วย งดใช้โทรศัพท์ก่อนนอน และสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบ เช่น ปิดไฟ หลีกเลี่ยงเสียงรบกวน และงดดื่มกาแฟหรือแอลกอฮอล์ในช่วงก่อนนอน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูเต็มที่และลดความเสี่ยงในการเกิดกลิ่นตัวสะสมในระยะยาว
เสื้อผ้าที่รัดแน่นหรือแนบกับผิวเกินไป เช่น เสื้อยืดฟิตพอดีตัวหรือกางเกงสกินนี่ อาจดูดีในแง่แฟชั่น แต่เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้เหงื่อสะสมได้ง่าย และอากาศไม่สามารถถ่ายเทได้สะดวก ส่งผลให้เกิดความอับชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุสำคัญของกลิ่นตัวที่รุนแรง โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนหรือเมื่อต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหงื่อออกง่าย
การสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าคอตตอน ผ้าใยไผ่ หรือผ้าสปอร์ตที่มีคุณสมบัติดูดซับเหงื่อและแห้งไว เป็นวิธีดับกลิ่นตัวที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดี ลดการสะสมของเหงื่อและกลิ่นอับตลอดทั้งวัน
ความเครียดไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังมีผลทางกายภาพที่ส่งผลต่อกลิ่นตัวโดยตรง ความเครียดทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) และกระตุ้นการทำงานของต่อมเหงื่อประเภทอะโพคริน ซึ่งผลิตเหงื่อที่มีความเข้มข้นของโปรตีนและไขมันสูง แบคทีเรียบนผิวหนังจะย่อยสลายสารเหล่านี้จนเกิดกลิ่นเหม็นได้ง่ายกว่าปกติ
การหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายจึงเป็นวิธีดับกลิ่นตัวที่สำคัญมาก เช่น การฝึกสมาธิแบบมีสติ (Mindfulness Meditation) การเดินเล่นในสวน โยคะ หรือแม้แต่การใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงและคนที่คุณรัก ล้วนเป็นตัวช่วยให้ระบบฮอร์โมนของร่างกายกลับมาสมดุล ลดการขับเหงื่อที่ไม่จำเป็น และส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และกลิ่นกายของคุณในระยะยาว
การขัดผิวช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยให้ผิวสะอาดและดูสดใสขึ้น อย่างไรก็ตาม หากทำบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความรุนแรงเกินไป อาจทำให้ผิวแห้ง ลอก หรือเกิดการระคายเคืองได้ง่าย ส่งผลให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันและเหงื่อออกมามากขึ้น เพื่อชดเชยความแห้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นตัวได้มากขึ้นในระยะยาว
วิธีดับกลิ่นตัวที่ถูกต้อง ควรขัดผิวด้วยวิธีที่อ่อนโยน เช่น ใช้สครับเม็ดละเอียด หรือเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เช่น สครับน้ำตาล น้ำผึ้ง หรือน้ำนม ซึ่งช่วยบำรุงผิวในขณะเดียวกัน และจำกัดความถี่ในการขัดผิวไม่เกิน 1–2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเน้นเฉพาะบริเวณที่มักมีการสะสมของเหงื่อหรือเซลล์ผิว เช่น รักแร้ ข้อพับ ขาหนีบ และแผ่นหลัง
ขนตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ ขาหนีบ และแผ่นหลัง เป็นแหล่งสะสมเหงื่อ แบคทีเรีย และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกันจะกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ การกำจัดขนจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดกลิ่นตัวได้อย่างเห็นผล โดยเฉพาะในผู้ที่มีเหงื่อออกมากหรือมีขนหนาแน่นในบางบริเวณ
วิธีการกำจัดขนมีหลายรูปแบบ เช่น วิธีโกนขน การถอนขน การแว็กซ์ หรือการใช้ครีมกำจัดขน แต่ที่ได้ผลและปลอดภัยในระยะยาวคือการใช้เครื่อง IPL Laser กำจัดขน เพราะสามารถทำลายรากขนได้โดยไม่ทำร้ายผิว ลดการระคายเคือง ลดการเกิดขนคุด รักแร้หนังไก่ แก้ปัญหารักแร้ดำ และทำให้ผิวดูเรียบเนียนสะอาดตา
การทำ IPL สามารถทำได้ทั้งที่คลินิกความงามและที่บ้านผ่านอุปกรณ์ IPL แบบพกพา อย่างเครื่องเลเซอร์ขน Parin ที่มาพร้อมฟังก์ชันที่ครอบคลุมทั้งการกำจัดขนและดูแลผิวในตัว ใช้งานง่าย ผ่านการรับรองจากอย.ไทย และการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เครื่องมือเกรดการแพทย์เจ้าแรกในประเทศไทย ผ่านการทดสอบ การเห็นผลลัพธ์ และความปลอดภัย โดยสถาบันวิจัย Journal of Cosmetic and Laser Therapy
การกำจัดขนจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความงาม แต่ยังเป็นวิธีดับกลิ่นตัวและวิธีดูแลสุขอนามัยที่มีประสิทธิภาพ ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในชีวิตประจำวัน
ทำงานได้ดี ร่างกายก็จะไม่จำเป็นต้องขับสารพิษบางชนิดออกทางเหงื่อ ซึ่งมักเป็นหนึ่งในแหล่งที่ทำให้เกิดกลิ่นตัว
วิธีดีท็อกซ์ที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดคือการดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ วันละ 1.5–2 ลิตร เพื่อช่วยให้ไตสามารถกรองของเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการทานผักผลไม้สดที่มีไฟเบอร์สูง เช่น แครอท แอปเปิล บีทรูท ผักโขม และกล้วย ซึ่งจะช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้
อาหารที่เราบริโภคในแต่ละวันส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบภายในร่างกาย และมีผลต่อกลิ่นตัวมากกว่าที่หลายคนคิด การเลือกทานอาหารที่ดี ไม่เพียงช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานปกติ แต่ยังลดการสะสมของสารพิษและช่วยควบคุมกลิ่นตัวจากภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อาหารที่ควรเน้นคือกลุ่มที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามิน C, E และธาตุสังกะสี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและลดกระบวนการอักเสบในร่างกาย วิตามิน C จากผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง และกีวี ช่วยขับสารพิษและทำให้ร่างกายสดชื่น วิตามิน E จากถั่วเปลือกแข็ง อะโวคาโด และน้ำมันพืชบางชนิด ช่วยบำรุงผิวและลดการระคายเคือง ธาตุสังกะสีจากไข่แดง หอยนางรม หรือธัญพืชไม่ขัดสี มีบทบาทสำคัญในการควบคุมกลิ่นตัวจากการเผาผลาญภายใน
สมุนไพรไทยเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีคุณค่าทางยา และสามารถนำมาใช้ในวิธีดับกลิ่นตัวธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งพาสารเคมี สมุนไพรหลายชนิดมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นตัวได้อย่างดี เช่น ใบพลู ซึ่งมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย สะเดา ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อและลดอาการอักเสบของผิว และ เปลือกมังคุด ซึ่งมีสารแทนนินและแซนโทนที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง
นอกจากจะช่วยดับกลิ่นตัวแล้ว สมุนไพรยังให้ความรู้สึกสดชื่น สบายตัว และช่วยบำรุงผิวในระยะยาว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแนวทางธรรมชาติในการดูแลกลิ่นตัวอย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกมากผิดปกติจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น รักแร้เปียกตลอดเวลา มีกลิ่นตัวแรงแม้จะอาบน้ำและใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นแล้ว วิธีดับกลิ่นรักแร้ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ถือเป็นทางเลือกทางการแพทย์ที่ได้ผลดีและปลอดภัย โดยการฉีดโบท็อกซ์ (Botulinum Toxin) เข้าไปบริเวณต่อมเหงื่อ เช่น ใต้รักแร้ จะช่วยยับยั้งการส่งสัญญาณประสาทที่กระตุ้นการผลิตเหงื่อ ทำให้ปริมาณเหงื่อลดลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเหงื่อลดลง แบคทีเรียที่ทำปฏิกิริยากับเหงื่อเพื่อสร้างกลิ่นก็ลดลงตามไปด้วย จึงช่วยลดกลิ่นตัวในบริเวณนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลลัพธ์จากการฉีดมักอยู่ได้นาน 4–6 เดือน และสามารถทำซ้ำได้โดยไม่เป็นอันตราย วิธีนี้จึงเป็นอีกวิธีดับกลิ่นตัวที่ผู้หญิงหลายคนเลือกใช้ อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ควรดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่มีใบอนุญาตเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
กลิ่นตัวไม่ใช่เรื่องน่าอาย และสามารถจัดการได้ด้วยวิธีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลความสะอาด การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม โดยเฉพาะการใช้เครื่องเลเซอร์ขน Parin หรือการเสริมสุขภาพจากภายใน เช่น อาหารและการพักผ่อน ก็สามารถช่วยให้กลิ่นตัวลดลงได้อย่างเห็นผล
เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเอง แล้วเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ เพื่อความมั่นใจทุกครั้งที่ต้องใกล้ชิดผู้อื่น
ปรึกษาแอดมินหรือสั่งซื้อสินค้าจาก Parin ได้ที่
Line: @parin_th
Facebook: Parin Thailand
Website: https://www.parinthailand.com
Tel: 0991987805
083-838-4268
info@parinthailand.com
Copyright © Parin Thailand. All rights reserved.